ในการทำสินเชื่อหรือธุรกรรมใด ๆ ก็ตาม การทำความเข้าใจในรายละเอียดของธุรกรรมนั้นอย่างถูกต้องย่อมช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียเปรียบที่อาจเกิดขึ้นกับตนเอง ซึ่ง 2 ประเภทธุรกรรมที่คนจำนวนมากมองว่ามีความใกล้เคียงกันในระดับหนึ่งนั่นคือการขายฝากและการเช่าซื้อ จึงอยากแชร์ข้อมูลทั้ง 2 รูปแบบสินเชื่อนี้ให้เข้าใจทั้งด้านความเหมือนและความแตกต่าง เพื่อการตัดสินใจดำเนินการอย่างเหมาะสม เข้าใจสิทธิ์ของตนเองถูกต้อง
การขายฝาก คืออะไร?
การขายฝาก คือ การขายสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์โดยผู้ขายฝากเป็นเจ้าของและขายให้กับผู้รับซื้อฝาก ภายใต้สัญญาข้อตกลงระบุเงื่อนไขไถ่ถอนสินทรัพย์ดังกล่าวคืนภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยกรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์นั้น ๆ จะเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีจนกว่าจะมีการไถ่ถอนคืน แต่ผู้ขายยังคงใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดังกล่าวได้ อ่านเพิ่มเติม
การเช่าซื้อ คืออะไร?
การเช่าซื้อ คือ การที่เจ้าของสินทรัพย์นำสินทรัพย์ของตนเองทั้งสังหาริมทรัพย์หรืออสังหาริมทรัพย์ให้ผู้อื่นเช่าและใช้ประโยชน์โดยมีคำมั่นว่าสินทรัพย์ดังกล่าวจะตกเป็นของผู้เช่าซื้อเมื่อมีการผ่อนชำระจำนวนเงินครบถ้วนตามที่ได้กำหนดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากผู้เช่ายังผ่อนชำระไม่ครบและมีการบอกเลิกสัญญาเช่า เงินส่วนที่ผ่อนชำระไปแล้วให้ถือเป็นของเจ้าของสินทรัพย์และเจ้าของยังสามารถกลับมาถือครองสินทรัพย์ดังกล่าวได้เหมือนเดิม
ความเหมือนของการขายฝากและการเช่าซื้อ
- เป็นการทำธุรกรรมที่ใช้สังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน
- มีบุคคลที่เกี่ยวข้อง 2 ฝ่าย
- มีการผ่อนชำระเป็นงวดจนครบกำหนดสัญญาเหมือนกัน
- มีฝ่ายหนึ่งได้ประโยชน์จากการนำสินทรัพย์ไปใช้และอีกฝ่ายได้รับค่าตอบแทน
ความแตกต่างของการขายฝากและการเช่าซื้อ
- การขายฝากมีจุดประสงค์เพื่อนำสินทรัพย์ไปขายไว้ชั่วคราวและมีโอกาสไถ่ถอนคืนได้ นิยมทำเมื่อต้องการเงินก้อนไปใช้เร่งด่วน ขณะที่การเช่าซื้อคือการปล่อยสินทรัพย์ให้ผู้เช่าซื้อผ่อนชำระและตั้งใจขายขาดในอนาคต นิยมทำเมื่อมีสินทรัพย์ที่อยากขายแต่มูลค่าสูงจึงต้องจูงใจให้อีกฝ่ายค่อย ๆ ผ่อนชำระและนำสินทรัพย์ไปใช้ประโยชน์ได้ทันที
- การขายฝาก ผู้ขายฝากได้รับเงินก้อนพร้อมจ่ายดอกเบี้ยให้ผู้รับซื้อฝากและต้องหาเงินก้อนมาไถ่ถอนคืน ส่วนการเช่าซื้อผู้ให้เช่าซื้อได้รับเงินผ่อนชำระเป็นงวด ๆ พร้อมดอกเบี้ยจนกว่าจะครบสัญญาและขายสินทรัพย์นั้นให้ผู้เช่าซื้อ
- กรรมสิทธิ์การขายฝากจะเป็นของผู้รับซื้อฝากเมื่อมีการจดทะเบียนตามกฎหมาย ขณะที่กรรมสิทธิ์การเช่าซื้อจะยังคงเป็นของผู้ให้เช่าซื้อจนกว่าผู้เช่าซื้อจะผ่อนชำระครบ
- หากมีการผิดสัญญา กรณีขายฝาก เช่น ไม่ไถ่ถอนตามระยะเวลาที่กำหนด สินทรัพย์จะตกเป็นของเจ้าของใหม่ทันที ส่วนการเช่าซื้อ หากผู้เช่าซื้อไม่ผ่อนชำระหรือผ่อนไม่ครบ ผู้ให้เช่าซื้อจะกลับมาถือครองสินทรัพย์ของตนเองได้ตามเดิม
สรุป
จริง ๆ แล้วการทำสินเชื่อหรือธุรกรรมระหว่างขายฝากและเช่าซื้อมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควรทั้งในเรื่องของกรรมสิทธิ์ จุดประสงค์การทำธุรกรรม หรือแม้แต่เงื่อนไขกรณีผิดสัญญา ตามปกติผู้ขายฝากมักมีเหตุผลเพื่อต้องการเงินก้อนไปใช้จ่าย ขณะที่ผู้ให้เช่าซื้อมีสินทรัพย์และต้องการขายขาดในอนาคตโดยจะได้รับเงินแบบผ่อนชำระตามจำนวนงวดที่กำหนด