สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร คนมีบ้านต้องรู้ไว้ไม่เสียเปรียบ

“บ้าน” สถานที่อยู่อาศัยจำเป็นของทุกคน ศูนย์รวมความรัก ความอบอุ่นระหว่างคนในครอบครัว สินทรัพย์ที่มีค่าทั้งทางด้านตัวเงินและจิตใจ อย่างไรก็ตามในกรณีที่เจ้าของบ้านเกิดปัญหาขาดสภาพคล่องทางการเงินก็สามารถใช้ที่อยู่อาศัยดังกล่าวขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ ซึ่งหนึ่งในสินเชื่อที่ถูกพูดถึงบ่อยต้องยกให้กับ “สินเชื่อบ้านแลกเงิน” ใครที่กำลังกังวลกับสภาวะทางการเงินของตนเองและสนใจสินเชื่อประเภทนี้ต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบต่อตนเอง

สินเชื่อบ้านแลกเงิน คืออะไร

สินเชื่อบ้านแลกเงิน คือ สินเชื่อประเภทหนึ่งในกลุ่มสินเชื่ออเนกประสงค์ด้านที่อยู่อาศัยของสถาบันการเงินโดยจะใช้ที่อยู่อาศัย เช่น บ้าน ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์ คอนโด ซึ่งปลอดภาระหนี้ (ผ่อนหมดแล้ว) มาเป็นหลักค้ำประกันพร้อมดำเนินการจดจำนองเพื่อกู้ยืมเงิน จากนั้นสถาบันการเงินจะทำการพิจารณาตามความเหมาะสม เมื่อสินเชื่อผ่านแล้วผู้ดำเนินการหรือเจ้าของบ้านก็ได้รับเงินก้อนเอาไว้ใช้ตามจุดประสงค์ของตนเองและมีหน้าที่ในการผ่อนชำระคืนตามจำนวนเงินกับระยะเวลาที่กำหนด

สินเชื่อบ้านแลกเงินเหมาะกับใคร

สินเชื่อบ้านแลกเงินเหมาะกับคนมีที่อยู่อาศัยซึ่งปลอดภาระหนี้แล้วต้องการนำเงินก้อนไปใช้จ่ายในส่วนต่าง ๆ อันเป็นเรื่องเร่งด่วน เช่น ลงทุนในธุรกิจ การเพิ่มสภาพคล่องทางธุรกิจ ใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาล การซ่อมแซม ต่อเติมบ้าน หรือปิดหนี้สินบางประเภทที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง อาทิ เงินกู้นอกระบบ หนี้บัตรเครดิต หนี้บัตรกดเงินสด แล้วเลือกผ่อนกับสินเชื่อบ้านแทนเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยถูกกว่าพอสมควร

ข้อดีของการขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน

ข้อดีสำคัญของสินเชื่อบ้านแลกเงินมีด้วยกันหลายด้าน โดยจะขอสรุปให้ทุกคนเห็นภาพและเกิดความมั่นใจมากขึ้น ดังนี้

  • ส่วนใหญ่สถาบันการเงินมักให้วงเงินกับผู้กู้สูงมากระดับ 80-90% ของมูลค่าที่อยู่อาศัยกันเลยทีเดียว 
  • โอกาสอนุมัติผ่านสูงเนื่องจากมีบ้านเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันอยู่แล้ว 
  • อัตราดอกเบี้ยต่ำประมาณ 5% ต่อปี หรือเป็นอัตราที่ลดลงจากการประกาศดอกเบี้ย MRR ของสถาบันการเงินเล็กน้อย และยังเป็นอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) คล้ายกับการผ่อนบ้านปกติ ยิ่งผ่อนเยอะเงินต้นจะถูกหักออก ทำให้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลง
  • สามารถเลือกรูปแบบการผ่อนชำระได้ตามความต้องการของตนเองทั้งแบบจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนน้อย ผ่อนระยะยาว ดอกเบี้ยถูก ซึ่งปกติมักผ่อนได้นาน 25-30 ปี กันเลยทีเดียว หรือจำนวนเงินผ่อนต่อเดือนสูง ผ่อนระยะสั้น แต่อัตราดอกเบี้ยอาจสูงกว่าเล็กน้อย

ข้อเสียของการขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน

ข้อเสียสำคัญของสินเชื่อบ้านแลกเงิน ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีที่อยู่อาศัยหรือมีบ้านที่ปลอดภาระหนี้แล้วเท่านั้น และอีกเรื่องสำคัญคือหากผิดนัดชำระหนี้ หรือไม่ชำระหนี้ตามเงื่อนไขที่สถาบันการเงินกำหนดเอาไว้ก็มีโอกาสที่จะถูกยึดบ้าน ยึดที่อยู่อาศัยได้เลย

ขั้นตอนเบื้องต้นของการขอสินเชื่อบ้านแลกเงิน

  1. วางแผนและเตรียมตนเองให้พร้อม

ต้องมีการวางแผนอย่างถูกต้องประเมินว่าการขอสินเชื่อบ้านแลกเงินจะสามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์ได้อย่างดีที่สุด ตัวของผู้ขอสินเชื่อไม่ควรติดแบล็กลิสต์หรือเครดิตบูโร (แม้หลายธนาคารอาจใช้เป็นหลักพิจารณาเพียงเล็กน้อย) ตรวจสอบและเปรียบเทียบข้อมูลสถาบันการเงินแต่ละแห่งแล้วเลือกดำเนินการกับแหล่งที่มองแล้วมีโอกาสผ่านหรือเกิดความคุ้มค่ามากที่สุด เช่น ดอกเบี้ยต่ำ มีโปรโมชั่น เป็นต้น

  1. จัดเตรียมเอกสารยื่นกับสถาบันการเงิน

จัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ เพื่อให้สถาบันการเงินพิจารณา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ๆ ดังนี้

  • เอกสารยืนยันตัวบุคคล ได้แก่ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
  • เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน เอกสารรับรองเงินเดือน รายการเดินบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับสถาบันการเงินกำหนด
  • เอกสารยืนยันหลักทรัพย์ ได้แก่ สำเนาโฉนดที่ดินและรูปถ่ายบ้านที่ใช้ขอสินเชื่อ 
  1. ประเมินหลักทรัพย์และรอการพิจารณา

เมื่อยื่นเอกสารเรียบร้อยสถาบันการเงินจะส่งเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาหลักทรัพย์เพื่อนำไปเป็นข้อมูลการขออนุมัติสินเชื่อ โดยระยะเวลาการอนุมัติมักอยู่ราว 1-2 สัปดาห์หลักประเมินหลักทรัพย์เรียบร้อย จึงแจ้งผลให้กับผู้กู้รับทราบ

  1. ทำสัญญาและจดจำนอง

หากการพิจารณาผ่าน ผู้กู้พึงพอใจในวงเงินและดอกเบี้ยก็ทำสัญญาและจดจำนองที่ดินกับสำนักงานที่ดินใกล้บ้านได้เลย สุดท้ายสถาบันการเงินก็จะจ่ายเงินก้อนให้เป็นอันเสร็จสิ้น

สรุป

สินเชื่อบ้านแลกเงินเป็นอีกทางเลือกดี ๆ สำหรับคนมีที่อยู่อาศัยปลอดภาระหนี้ในการใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในการหาเงินก้อนเอาไปใช้จ่ายกับเรื่องเร่งด่วน หรือปลดหนี้สินดอกเบี้ยสูง ๆ โอกาสผ่านมีเยอะ แต่ต้องวางแผนให้ชัดเจน มีวินัยการผ่อนชำระที่ดีไม่เช่นนั้นอาจต้องสูญเสียบ้านของตนเองได้เช่นกัน

 

บทความอื่นๆของเรา