หลักการของการขายฝาก
- เมื่อมีการจดทะเบียนขายฝาก กรรมสิทธิ์จะโอนไปเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที
- ผู้ขายฝากมีสิทธิ ไถ่ถอนทรัพย์สินคืนได้ในเวลาที่กำหนด (ไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เกิน 10 ปี สำหรับอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดิน / ส่วนสังหาริมทรัพย์ เช่น รถยนต์ ไม่เกิน 5 ปี)
- หากไม่ไถ่ถอนภายในกำหนด กรรมสิทธิ์ตกเป็นของผู้รับซื้อฝากโดยเด็ดขาด
สิทธิและหน้าที่ของคู่สัญญา
- ผู้ขายฝาก
- ใช้ประโยชน์ในที่ดินต่อได้ตามปกติจนกว่าจะหมดสิทธิไถ่ถอน
- สามารถต่อสัญญาได้ (รวมแล้วไม่เกิน 10 ปี) หากยังไม่พร้อมไถ่ถอน โดยต้องทำเป็นหนังสือและเซ็นต่อหน้าเจ้าหน้าที่
- หากไม่สามารถไถ่ถอนได้เพราะไม่ใช่ความผิดตน สามารถวางเงินไถ่ถอนต่อสำนักงานวางทรัพย์/ที่ดินภายใน 30 วัน
- ใช้ประโยชน์ในที่ดินต่อได้ตามปกติจนกว่าจะหมดสิทธิไถ่ถอน
- ผู้รับซื้อฝาก
- ได้รับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนไม่เกิน 15% ต่อปี
- ต้องแจ้งผู้ขายฝากล่วงหน้า 3–6 เดือนก่อนครบกำหนด เกี่ยวกับวันครบกำหนดไถ่ถอนและจำนวนเงิน พร้อมแนบสัญญาขายฝาก
- หากไม่แจ้ง ผู้ขายฝากสามารถขยายเวลาการไถ่ถอนได้อีกไม่เกิน 6 เดือน
- ได้รับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนไม่เกิน 15% ต่อปี

ขั้นตอนและเงื่อนไขสำคัญ
- การไถ่ถอน
- สามารถ “ใช้สิทธิไถ่ถอน” ก่อน แล้วไปจดทะเบียนภายหลังได้ แต่ต้องไม่เกินกำหนดสัญญา
- เมื่อไถ่ถอนเสร็จ กรรมสิทธิ์กลับเป็นของผู้ขายฝากทันที
- สามารถ “ใช้สิทธิไถ่ถอน” ก่อน แล้วไปจดทะเบียนภายหลังได้ แต่ต้องไม่เกินกำหนดสัญญา
- การจดทะเบียนสัญญา
- สัญญาขายฝากที่ดินต้องจดทะเบียนต่อสำนักงานที่ดินจึงมีผลตามกฎหมาย
- รายละเอียดในสัญญาต้องชัดเจน เช่น ชื่อคู่สัญญา รายละเอียดทรัพย์ ราคาขาย ค่าสินไถ่ ดอกเบี้ย วันครบกำหนด และเงื่อนไขการไถ่ถอน
- สัญญาขายฝากที่ดินต้องจดทะเบียนต่อสำนักงานที่ดินจึงมีผลตามกฎหมาย
สาระสำคัญตามกฎหมาย
- การขายฝากที่ดินมีกฎหมาย 2 ฉบับหลักกำกับดูแล คือ
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
- พ.ร.บ. คุ้มครองประชาชนในการทำสัญญาขายฝากที่ดินเพื่อเกษตรกรรมหรือที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2562
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
- กฎหมายเหล่านี้ออกมาเพื่อ ปกป้องผู้ขายฝากไม่ให้เสียเปรียบ เช่น
- กำหนดว่า ดอกเบี้ยสูงสุดห้ามเกิน 15% ต่อปี
- กำหนดว่า สัญญาขายฝากต้องมีระยะเวลาแน่นอน (ที่ดินไม่เกิน 10 ปี, ทรัพย์อื่นไม่เกิน 5 ปี)
- บังคับว่า ผู้รับซื้อฝากต้องแจ้งเตือนผู้ขายฝากล่วงหน้าก่อนครบกำหนด เพื่อให้มีเวลาตัดสินใจว่าจะไถ่ถอนหรือไม่
- กำหนดว่า ดอกเบี้ยสูงสุดห้ามเกิน 15% ต่อปี

รูปแบบสัญญาขายฝากที่ดิน
- ลักษณะสัญญา
- ต้องทำ เป็นหนังสือ และ จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ดิน
- ถ้าไม่จดทะเบียน → สัญญาเป็นโมฆะ ไม่สามารถบังคับใช้ได้
- ต้องทำ เป็นหนังสือ และ จดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ที่ดิน
- คู่สัญญา
- ผู้ขายฝาก (เจ้าของที่ดิน)
- ผู้รับซื้อฝาก (ผู้ให้เงิน)
- ผู้ขายฝาก (เจ้าของที่ดิน)
- รายละเอียดในสัญญา
ต้องระบุชัดเจน เช่น
- ชื่อ–ที่อยู่ของคู่สัญญา
- รายละเอียดที่ดิน (เลขที่โฉนด, ขนาด, ตำแหน่ง ฯลฯ)
- ราคาขายฝาก และค่าสินไถ่
- อัตราดอกเบี้ย/ผลตอบแทน (ไม่เกิน 15% ต่อปี)
- วันจดทะเบียนขายฝาก และวันครบกำหนดไถ่ถอน
- เงื่อนไขการไถ่ถอน
- ชื่อ–ที่อยู่ของคู่สัญญา
- สิทธิและหน้าที่
- ผู้ขายฝากยังคงใช้ประโยชน์ในที่ดินได้จนถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน
- ผู้รับซื้อฝากได้ดอกเบี้ยหรือผลตอบแทนตามที่ตกลง (ไม่เกิน 15% ต่อปี)
- หากไม่ไถ่ถอนตามกำหนด → กรรมสิทธิ์ตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที
- ผู้ขายฝากยังคงใช้ประโยชน์ในที่ดินได้จนถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน
การขายฝากที่ดินคือธุรกรรมที่ผู้ขายฝากยังมีสิทธิไถ่ถอนคืนได้ภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยกรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันทีเมื่อจดทะเบียน หากไม่ไถ่ถอนตามกำหนด ที่ดินจะกลายเป็นของผู้รับซื้อฝากอย่างถาวร กฎหมายจึงเข้ามากำหนดข้อบังคับ เช่น ระยะเวลา ดอกเบี้ยสูงสุด และการจดทะเบียน เพื่อคุ้มครองทั้งสองฝ่าย ผู้ที่คิดจะทำสัญญาขายฝากควรตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจนทุกครั้ง เพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง



