ในการหาเงินก้อนเพื่อนำไปหมุนธุรกิจ ต่อเติมโอกาสใหม่ หรือแม้แต่เริ่มต้นเส้นทางทำธุรกิจส่วนตัว “ขายฝาก” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะได้เงินไว วงเงินสูง ไม่ต้องตรวจเครดิตบูโร เหมาะกับคนที่ต้องการเงินด่วนเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น แต่ขายฝากก็มีความเสี่ยงที่ต้องเข้าใจ มาทำความเข้าใจแบบละเอียดว่าขายฝากคืออะไร ข้อดี ข้อเสียมีอะไรบ้าง และควรระวังเรื่องใดก่อนตัดสินใจ
การขายฝาก คืออะไร
ขายฝาก หมายถึงการขายทรัพย์สินให้กับ ผู้รับซื้อฝาก โดยจะมีสิทธิ์ไถ่ถอนทรัพย์กลับคืนได้ตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ระหว่างนั้น กรรมสิทธิ์จะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที ซึ่งหากไม่ใช้สิทธิ์ไถ่ถอนตามเงื่อนไข ทรัพย์นั้นจะตกเป็นของผู้รับซื้อฝากถาวร
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายขายฝากได้ที่
สำนักงานที่ดิน กรมที่ดิน
สินทรัพย์ที่สามารถขายฝากได้
ประเภทสินทรัพย์ที่ขายฝากได้ มีดังนี้
- อสังหาริมทรัพย์ (บ้าน ที่ดิน คอนโด อาคารพาณิชย์)
- ต้องจดทะเบียนขายฝากที่สำนักงานที่ดิน หรือที่ว่าการอำเภอ
- ต้องจดทะเบียนขายฝากที่สำนักงานที่ดิน หรือที่ว่าการอำเภอ
- อสังหาริมทรัพย์ชนิดพิเศษ (เรือ แพ สัตว์พาหนะ)
- ต้องจดทะเบียนกับกรมเจ้าท่าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ต้องจดทะเบียนกับกรมเจ้าท่าหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- สังหาริมทรัพย์ทั่วไป (ทองคำ รถยนต์ เครื่องประดับ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ)
- หากมูลค่าเกิน 500 บาท ต้องทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรพร้อมลายเซ็นทั้งสองฝ่าย
ระยะเวลาไถ่ถอนตามกฎหมาย
ประเภททรัพย์ | ระยะเวลาไถ่ถอนสูงสุด |
อสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน บ้าน คอนโด) | ไม่เกิน 10 ปี |
สังหาริมทรัพย์ / อสังหาฯชนิดพิเศษ | ไม่เกิน 3 ปี |
หากสัญญากำหนดเกินกว่านี้จะถือว่ามีผลตามที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น
ข้อดีของการขายฝาก
- ได้เงินก้อนรวดเร็ว
- วงเงินสูงประมาณ 40–60% ของราคาประเมินเอกชน
- ไม่ต้องตรวจเครดิตบูโรหรือใช้ผู้ค้ำประกัน
- มีสิทธิ์ไถ่ถอนคืนได้ภายในเวลาที่กำหนด
ข้อเสียของการขายฝาก
- ค่าธรรมเนียมและภาษีค่อนข้างสูง ได้แก่
- ค่าจดทะเบียน 2% ของราคาประเมิน
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% (ถ้าถือครองทรัพย์ไม่ถึง 5 ปี)
- หรืออากรแสตมป์ 0.5% (ถ้าไม่เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ)
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามประกาศกรมสรรพากร
- ค่าจดทะเบียน 2% ของราคาประเมิน
- หากผิดสัญญา อาจเสียทรัพย์ทันที
- เจอผู้รับซื้อฝากที่ไม่ยืดหยุ่นต่อรอง อาจเสียสิทธิ์ไถ่ถอน
- ช่วงไถ่ถอนต้องระวังค่าดอกเบี้ยและค่าปรับหากชำระไม่ครบ
สิ่งที่ควรระวังก่อนทำสัญญาขายฝาก
✅ อ่านสัญญาให้รอบคอบ โดยเฉพาะดอกเบี้ยและกำหนดระยะเวลา
✅ ตรวจสอบประวัติผู้รับซื้อฝาก ว่าเชื่อถือได้หรือไม่
✅ ทำธุรกรรมให้ถูกต้องตามกฎหมายและมีพยาน
✅ เปรียบเทียบกับวิธีหาเงินก้อนแบบอื่น เช่น จำนอง เพื่อดูว่าทางไหนคุ้มกว่า
ตัวอย่างกรณีขายฝากบ้าน
เช่น เจ้าของบ้านจำเป็นต้องใช้เงินก้อน 1 ล้านบาท สามารถขายฝากบ้านมูลค่า 2 ล้านบาท ให้ผู้รับซื้อฝาก โดยทำสัญญาไถ่ถอนใน 3 ปี หากหาเงินมาไถ่ถอนคืนได้ภายในกำหนด ก็ได้บ้านคืน แต่ถ้าเลยกำหนด ทรัพย์จะเป็นของผู้รับซื้อฝากทันที
สรุป
ขายฝากถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเงินก้อนเร่งด่วน โดยใช้ทรัพย์เป็นหลักค้ำประกัน ได้เงินรวดเร็ว วงเงินสูง ไม่ตรวจเครดิตบูโร แต่ต้องระวังรายละเอียดสัญญา และเลือกผู้รับซื้อฝากที่ไว้ใจได้ เพราะมีความเสี่ยงหากผิดสัญญาอาจเสียทรัพย์อย่างถาวร