เทคนิคลดดอกบ้าน ด้วยการรีไฟแนนซ์ หรือโปะ

รีไฟแนนซ์บ้านคืออะไร และทำไมต้องทำในปี 2568

รีไฟแนนซ์บ้าน คือ การย้ายหนี้จากธนาคารเดิมไปยังธนาคารใหม่ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า หรือมีเงื่อนไขที่ดีกว่า จุดประสงค์หลักคือเพื่อ ลดดอกเบี้ยบ้าน ลดค่างวด และปรับโครงสร้างหนี้ ให้เหมาะกับภาระทางการเงิน ในปี 2568 ภาพรวมอัตราดอกเบี้ยบ้านเริ่มมีการ ปรับลดลง จากปีก่อน แม้จะยังถือว่าสูงเมื่อเทียบกับอดีต แต่การปรับลดนี้ทำให้เจ้าของบ้านมีโอกาสวางแผนการเงินได้ดีขึ้น คำถามสำคัญคือ “รีไฟแนนซ์บ้าน ที่ไหนดี และยังคุ้มค่าหรือไม่ในปีนี้?”

 

 

แล้วควรรีไฟแนนซ์ ที่ไหนดี? มีอะไรบ้างที่ควรพิจารณา

การเลือกว่าจะ รีไฟแนนซ์บ้าน ที่ไหนดี ไม่ใช่แค่ดูว่าใครให้ดอกเบี้ยต่ำที่สุด แต่ควรมองปัจจัยหลายด้านประกอบกัน เพราะในความเป็นจริง ธนาคารแต่ละแห่งจะมีทั้ง “ข้อดี” และ “ข้อจำกัด” ที่ต่างกัน

1. อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง

  • ดอกเบี้ยช่วงโปรโมชั่น: ส่วนใหญ่ธนาคารจะโฆษณาดอกเบี้ยปีแรก–ปีที่ 3 ต่ำมาก เช่น 2.59% แต่หลังจากนั้นอาจปรับขึ้นสูง
  • ดอกเบี้ยระยะยาว (MRR / MLR): ควรดูว่าเมื่อพ้นช่วงโปรโมชั่นแล้ว ดอกเบี้ยจะคิดเท่าไร เพราะนี่คือสิ่งที่จะอยู่กับคุณไปอีกหลายสิบปี
  • แนวโน้มตลาด: ปี 2568 ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลดลงเล็กน้อย ถ้าเลือกดอกเบี้ยลอยตัว (Floating Rate) อาจได้เปรียบในระยะยาว

 

2. ค่าใช้จ่ายในการรีไฟแนนซ์

การรีไฟแนนซ์ไม่ได้มีแต่ “ประหยัด” แต่ยังมี “ต้นทุน” ที่ต้องจ่าย เช่น

  • ค่าปรับปิดหนี้เก่า: ถ้าปิดสัญญาเดิมก่อน 3 ปี มักมีค่าปรับ 1–3% ของยอดหนี้คงเหลือ
  • ค่าประเมินหลักทรัพย์: โดยปกติอยู่ที่ 2,000–3,000 บาท
  • ค่าโอนจำนอง: ประมาณ 1% ของยอดเงินกู้ใหม่
  • ค่าธรรมเนียมสินเชื่อใหม่: บางธนาคารคิดเพิ่มอีกเล็กน้อย
    ดังนั้น ก่อนย้ายธนาคาร ต้องคำนวณว่า “ดอกเบี้ยที่ลดลง” คุ้มกว่าค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือไม่

 

3. เงื่อนไขและสิทธิพิเศษของแต่ละธนาคาร

  • วงเงินกู้สูงสุด: บางธนาคารให้สูงถึง 90–100% ของราคาประเมิน
  • ระยะเวลาผ่อน: สูงสุด 30–40 ปี → เหมาะสำหรับคนอยากลดค่างวดต่อเดือน
  • โปรโมชั่นพิเศษ: เช่น ฟรีค่าจดจำนอง, ฟรีค่าประเมินบ้าน, ฟรีค่าประกันอัคคีภัยในปีแรก
  • การบริการหลังการขาย: มีแอป/ระบบออนไลน์ดูค่างวดได้ง่ายหรือไม่

 

4. เครดิตสกอร์และประวัติทางการเงิน

แม้ธนาคารจะมีโปรโมชั่นดีแค่ไหน แต่ถ้าผู้กู้มีประวัติการชำระหนี้ไม่ดี โอกาสอนุมัติก็จะน้อยลง

  • เครดิตบูโร: ธนาคารจะตรวจสอบว่ามีการค้างชำระหรือไม่
  • รายได้และภาระหนี้: ควรให้ “DSR (Debt Service Ratio)” ต่ำกว่า 40–50% เพื่อโอกาสผ่านง่ายขึ้น
  • ผู้กู้ร่วม: ถ้ามีผู้กู้ร่วมที่มีเครดิตดี จะช่วยเพิ่มโอกาสอนุมัติและอาจได้ดอกเบี้ยพิเศษ

 

ตารางเปรียบเทียบดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน 2568

ธนาคาร อัตราดอกเบี้ยสูงสุดเฉลี่ย 3 ปีแรก หมายเหตุ
1.ธนาคารอาคารสงเคราะห์  2.70% วงเงินกู้ตามเกณฑ์หลักประกันให้เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติงานสินเชื่อ (ลูกค้ารายย่อยทั่วไป ลูกค้าสวัสดิการไม่มีเงินฝาก / ผู้กู้มีรายได้ (Gross) ตั้งแต่ 70,000 บาทต่อเดือนขึ้นไป) / ลูกค้าที่มีวงเงินนิติกรรมรวมทุกบัญชีภายใต้หลักประกันเดียวกันตั้งแต่ 7,000,000 บาทขึ้นไป 

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร

2.ธนาคารทหารไทยธนชาต 2.89% วงเงินขั้นต่ำ 500,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 50,000,000 บาทและไม่เกิน 100% ของราคาประเมินธนาคาร (กรณีสมัครพร้อมผลิตภัณฑ์เสริม 3 ประเภท)

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร 

3.ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ 2.95% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน (สำหรับลูกค้าที่ทำประกัน MRTA/MLTA ไม่ฟรีค่าจดจำนอง)

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 8.530% (ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 2568) 

4.ธนาคารกสิกรไทย 2.95% ไม่เกิน 100% ของราคาประเมินหลักประกัน (สินเชื่อบ้านผู้มีบัญชีเงินเดือนกสิกรไทย กรณีทำประกันตามเงื่อนไข)

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.030% (ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2568)

5.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา 2.983% วงเงินกู้สูงสุด 95% ของราคาประเมิน (สำหรับหลักประกันประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์เฮ้าส์ ทาวน์โฮม ห้องชุดพักอาศัย ตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป) 

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 7.120% (ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2568) 

6.ธนาคารเกียรตินาคินภัทร 3.117% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมิน วงเงินอนุมัติสูงสุด 50 ล้านบาท

(อัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์บ้าน KKP ดอกเบี้ยคงที่ปีแรก)

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MLR = 7.900% (ประกาศ ณ วันที่ 26 พฤษภาคม 2568)

7.ธนาคารกรุงเทพ 3.25% วงเงินกู้สูงสุดเท่ากับ 100% ของภาระหนี้คงเหลือ และไม่เกินอัตราส่วนวงเงินสินเชื่อสูงสุดตามประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย (กรณีหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยในกลุ่มโครงการที่มีข้อตกลงกับธนาคาร และวงเงินอนุมัติตั้งแต่ 4 ล้านบาทขึ้นไป สำหรับกรณีหลักทรัพย์เป็นที่อยู่อาศัยทั่วไป)

*พิเศษ รับส่วนลดอัตราดอกเบี้ยพิเศษปีแรก 0.5% เพียงสมัครสินเชื่อบ้านบัวหลวงพร้อมประกันชีวิตคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ พลัส (ฉบับปรับปรุง) หรือประกันคุ้มครองเครดิต โฮมเฟิสต์ เอ็กตร้า

**อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.900% (ประกาศ ณ วันที่ 8 พฤษภาคม 2568)

8.ธนาคารกรุงไทย 3.29% วงเงินกู้สูงสุด 100% ของราคาประเมินหลักประกัน (กรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านตั้งแต่ 3 ล้านบาท ขึ้นไป และสามารถเลือกผ่อนต่ำล้านละ 3,500 บาท/เดือนในปีที่ 1 ได้ และต้องทำประกันคุ้มครองสินเชื่อ)

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR = 6.750% (ประกาศ ณ วันที่ 15 พฤษภาคม 2568​)

9.ธนาคารไทยพาณิชย์ 3.39% วงเงินสินเชื่อเคหะเท่ายอดหนี้เดิม และวงเงินเอนกประสงค์ กู้เพิ่มไม่เกิน 3% ของยอดหนี้วงเงินเคหะเดิมต้องไม่เกินวงเงินสินเชื่อเคหะเท่ายอดหนี้เดิม

*อ้างอิงตามประกาศธนาคาร MRR =  7.025% (ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2568)  

*** อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านรีไฟแนนซ์เฉลี่ย 3 ปี คำนวณแบบค่าเฉลี่ยทางคณิตศาสตร์เท่านั้น*** ขอขอบคุณข้อมูลจาก ddproperty.com

 

เทคนิคทำให้การรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 คุ้มค่าที่สุด

การจะตัดสินใจ รีไฟแนนซ์บ้าน ที่ไหนดี ให้คุ้มค่า ไม่ใช่ดูแค่ดอกเบี้ยต่ำอย่างเดียว แต่ควรคิดแบบครบทุกมุมดังนี้

  • เปรียบเทียบหลายธนาคาร
    ตรวจสอบทั้งดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม และโปรโมชั่น เช่น ฟรีค่าประเมินหรือฟรีค่าจดจำนอง
  • คำนวณความคุ้มค่า
    เช็กว่าดอกเบี้ยที่ลดลงคุ้มกับค่าปรับและค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หรือไม่
  • เลือกดอกเบี้ยที่เหมาะกับคุณ
    • ต้องการความมั่นใจเรื่องค่างวด → เลือก Fixed Rate
    • มองระยะยาวและเชื่อว่าดอกเบี้ยยังมีโอกาสลด → เลือก Floating Rate
    • ใช้การโปะเงินต้นควบคู่
      การโปะเงินก้อนทำให้ดอกเบี้ยในเดือนถัดไปลดลงทันที และช่วยลดระยะเวลาผ่อนรวมได้ไวขึ้น

เมื่อรวมเทคนิคเหล่านี้เข้าด้วยกัน คุณจะได้ทั้ง ดอกเบี้ยถูกลง และ หนี้หมดเร็วขึ้น อย่างคุ้มค่าที่สุดในปี 2568

แต่ถ้าคุณยังไม่สามารถทำ รีไฟแนนซ์บ้าน ได้ ไม่ว่าจะเพราะติดเครดิตบูโร หรือเคยมีชื่ออยู่ในแบล็กลิสต์ เรามีบริการ ขายฝาก–จำนองบ้านและที่ดิน ที่ไม่ตรวจเครดิตบูโร ไม่สนแบล็กลิสต์ คุณยังอยู่บ้านได้เหมือนเดิม และสามารถไถ่ถอนได้ตามสัญญา

โทร: 061-895-4469

LINE: @kaifakcoachtae

Facebook: Home for Cash

บทความอื่นๆของเรา